“ศุภชัย ใจเด็ด” ศูนย์หน้า “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” ทีมจ่าฝูงของตาราง ศึกรีโว่ ไทยลีก 2022/23 หลังผ่านไป 23 นัด เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่ตนโดนใบแดงในเกมที่ “ทีมชาติไทย” บุกพ่าย “ทีมชาติเวียดนาม” 0-4 ในศึก U23 ชิงแชมป์เอเชีย 2020 รอบคัดเลือก เมื่อปี 2019…
หอกวัย 24 ปี ฟอร์มในฤดูกาลนี้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทุกรายการลงเล่นไปแล้ว 28 นัด ยิง 16 ประตู กับ 6 แอสซิสต์ โดยในไทยลีก เจ้าตัวกระทุ้งไปแล้ว 13 ประตู รั้งดาวซัลโวร่วมกับ แฮมิลตัน โซอาเรส ดาวยิงแซมบ้าของ การท่าเรือ เอฟซี (ข้อมูล ณ วันที่ 14 มี.ค. 66)
โดย “เจ้าอาร์ม” ได้เปิดใจผ่านเพจช้างศึก เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่โดนใบแดงเมื่อปี 2019 ว่า “เหตุการณ์นั้นถือเป็นบทเรียนราคาแพงในช่วงวัยของผมด้วยในตอนนั้น ซึ่งตอนนั้นผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ สถานการณ์สิ่งเร้ารอบข้างได้เมื่อโดนกดดันจากแฟนบอลเวียดนามที่มากันเต็มสนาม และความกดดันจากผลการแข่งขันของทีมเราเองด้วย ทุกอย่างมันบีบเข้ามาหมด รวมถึงเราก็ทำอะไรไมได้ดั่งใจเล่นไม่ดี และยังโดนยั่วยุ โดนกระแทก ก็เลยทำให้ผมสติหลุดและทำสิ่งที่ไม่ดีออกไป”
“ความรู้สึกในตอนนั้นถือว่าแย่มากครับ ผมก็ได้แต่ขอโทษแฟนบอล ขอโทษเพื่อนร่วมทีม เพื่อนร่วมทีมเข้ามาในห้องแต่งตัวหลังจบเกมด้วยความพ่ายแพ้ ผมก็นั่งร้องไห้และขอโทษเพื่อนร่วมทีมที่ผมทำให้ทุกอย่างมันแย่กว่าเดิม ซึ่งตอนนั้นมันแย่มากจริงๆ ผมแทบจะก้มกราบในสนามเลย เพราะเราไม่ได้ตั้งใจให้เกิดแบบนั้น มันเป็นช่วงที่เราฟิวส์ขาด ซึ่งจริงๆ เราก็ไม่ได้เป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว มันแย่มากจริงๆ ครับ”
“พ่อเน กับ แม่ต่าย ได้เข้ามาพูดกับผมว่า สโมสรบุรีรัมย์ฯ คือบ้านของเอ็ง กลับมาทำงานที่บ้านเรา พยายามลืมเรื่องพวกนั้นไป อย่าไปอ่านคอมเมนต์ อย่าไปอ่านโซเชียล เอ็งยังมีเพื่อน ยังมีพ่อ ยังมีแม่ ที่นี่คือสโมสรของเอ็ง สโมสรเราจะปกป้องกัน เดี๋ยวพ่อจะส่งเอ็งลงตัวจริงในเกมหน้า เอ็งต้องทำให้พวกเขาเห็นว่าเอ็งสามารถก้าวผ่านจุดนั้นได้”
“แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้กลับมาดีเหมือนแต่ก่อน แม้ภายนอกผมจะดูเข้มแข็งต่อหน้าเพื่อน ต่อหน้าแฟนบอล แต่พอผมกลับมาอยู่กับตัวเอง มันก็ยังมีปมในใจที่ยังทำให้ผมคิดมากและกังวลอยู่กับเรื่องที่ผ่านมา ซึ่งผมเสียใจจริงๆ ที่ทำให้ความคาดหวังของคนทั้งประเทศต้องผิดหวังในวันนั้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ใหญ่มากสำหรับผม และกว่าที่ผมจะกลับมาเป็นตัวของตัวเองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เป็นปีเลยครับ”
“อย่างที่เห็นคือฟอร์มผมกับ บุรีรัมย์ฯ ในช่วงนั้นก็ยังไม่ดีด้วย เราเล่นตำแหน่งศูนย์หน้าแต่เรายิงประตูได้น้อย ทำให้ผมยังไม่สามารถตอบกลับเสียงวิจารณ์ได้ พวกเขาก็ว่าถึงพ่อแม่เรา แฟนเรา สารพัด ซึ่งในตอนนี้ผมก็เข้าใจการวิพากษ์วิจารณ์เพราะเราเคยเจอกับปัญหาที่ใหญ่มาแล้ว และเราก็ผ่านมาได้แล้ว เรื่องการวิจารณ์ฟอร์มการเล่นในสนามของผม หรือการยิงประตูไม่ได้หลายเกมติดๆ กัน ผมมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมากครับ แต่เรื่องที่ผมอยากจะบอกคือการพาดพิงถึงพ่อแม่เรา แฟนเรา ที่พวกเขาก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับฟอร์มการเล่นของเรา ก็อยากให้วิจารณ์ที่ตัวผม ผมไม่มีปัญหา แต่ถ้าพวกเขาวิจารณ์ถึงบุคคลอื่นที่เป็นครอบครัวเรา ผมก็จะเสียใจมากครับ และไม่อยากให้มันเกิดขึ้นด้วย” เจ้าอาร์ม กล่าวปิด
Cr.ภาพ BURIRAM UNITED / Goal
Source: ballthai.com